Sunday, September 6, 2020

จิตกับอารมณ์



ธรรมบรรยาย
พระภาวนาเขมคุณ วิ.
(หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี)

 

 

ทุกข์และความดับทุกข์


ธรรมบรรยาย
พระภาวนาเขมคุณ วิ.
(หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี)


 

แก่นของพระพุทธศาสนา

 


ธรรมบรรยาย
พระภาวนาเขมคุณ วิ.
(หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี)

Tuesday, September 1, 2020

วัดบ้านหีบ

 


สวัสดีค่ะ  วันนี้ตรงกับวันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน สิบ จะพาไปไหว้พระที่วัดเก่าแก่โบราณอีกวัดหนึ่งของอยุธยา มีอายุราว ๓๓๘ ปี และยังคงมีซากโบราณวัตถุให้ได้ชมกันนะคะ...



วัดบ้านหีบ ตั้งอยู่ที่หมู่ ๑ ตำบลบ้านหีบ อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ห่างจากที่ว่าการอำเภออุทัยประมาณ ๖ กม.เดิมชื่อวัดปากน้ำ เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณสามแยกของคลอง ตามประวัติของวัดสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.๒๒๒๕ สมัยอยุธยาตอนกลาง ในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ.๒๑๙๙ - ๒๒๓๑) ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นผู้สร้าง ไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นวัดร้างตั้งแต่เมื่อใด 


ปัจจุบันได้มีการบูรณะและสร้างอุโบสถหลังใหม่  บริเวณนี้น่าจะเป็นชุมชนโบราณมาแต่ครั้งในอดีตเนื่องจากมีสายน้ำไหลผ่าน มีประชาชนมาตั้งบ้านเรือนอาศัยอยู่ และได้มีการสร้างโรงหีบอ้อย และตลาดการค้าขาย ซึ่งในปัจจุบันยังคงมีชื่อเรียกหมู่บ้านว่า บ้านหีบ บ้านตลาดและบ้านอ้อย นอกจากนี้บริเวณนี้ยังอยู่ใกล้เคียงกับเส้นทางการเดินทัพของพระเจ้าตากเมื่อครั้งออกจากกรุงศรีอยุธยาเพื่อไปรวบรวมกำลังพลกลับมากู้ชาติก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พ.ศ.๒๓๑๐ 











 สำหรับซากโบราณสถานที่สำคัญที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบันได้แก่ อุโบสถหลังเก่าหันหน้าลงคลองทางทิศตะวันตก มีภาพเขียนบนฝาผนังภายใน  และซากเจดีย์หลังอุโบสถ  พร้อมกับชิ้นส่วนของพระพุทธรูป ใบเสมาหินทรายแดง  ซึ่งทางวัดได้รวบรวมไว้  สำหรับการเดินทางไปวัดบ้านหีบสะดวกเนื่องจากอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมโรจนะเป็นทางลาดยางโดยตลอด ....ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ...



Monday, March 2, 2020

เรื่องของวาสนา



เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่
เรื่องราวดีๆที่อยากให้คุณได้อ่าน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่หลวงตาเตือนสติชายไม่สมหวังกับความรัก ก่อนติดสินใจบวชตลอดชีวิต
มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา ๓ปี ทั้ง ตกลงจะแต่งงานกัน
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน
ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใดเมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก
ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจเวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ
ไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น
มีหลวงตาแก่ๆผ่านมาเมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน
แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตูเด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ
จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า
หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต ในบ้านมีคนป่วยใช่มั๊ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อยไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว
เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่า ตัดสินใจเองไม่ได้ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่า
อยากเข้ามา ก็เข้ามา!
เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตายิ้มแล้วพูดว่า อาการหนักเลยนะ 
ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่าโทรมมากเลยนะชายคนนั้นไม่สนใจ
หลวงตาบอกว่า ไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิชายคนนั้นไม่สนใจแต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเลที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น
เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป
พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมาเขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู
เมื่อพบว่า เป็นศพ ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง ๒ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควรจึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป
จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจพอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ ๒แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก
ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ
ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา ๓ปี ตอนนี้ครบ ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน
เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอดแล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว
ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชติดตามหลวงตาองค์นั้นในที่สุด
คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย
เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่
ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้
คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง
เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน
ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า
ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า
เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่
ทุกๆวจีกรรม กายกรรม และมโนกรรม ที่เรานึกคิด

พูดล้วนเป็นกรรมหมด อยู่ที่เจตนาเป็นบุญหรือบาป ล้วนส่งผลต่อปัจจุบันและอนาคตทั้งนั้น
****************
Cr.Fwd line

Sunday, February 23, 2020

ศิลปในการใช้ชีวิตของ อิคิไก (IKIGAI)



IKIGAI (อิคิไก) คือ ศาสตร์ที่จะช่วยให้คุณอยากตื่นขึ้นมาในทุกๆวัน
คนอายุยืน 100 ปี มี อยู่ทั่วไปในญี่ปุ่น แต่ที่มีหนาแน่นก็คือเกาะโอกินาวา ที่มีคนอายุยืนมากเป็นพิเศษ จึงได้มีการทำวิจัยว่าอะไรทำให้อายุยืนและสรุปวิถีชีวิต ได้ออก มาเป็น IKIGAI (อิคิไก)
IKIGAI (อิคิไก) คือ ศาสตร์ที่ช่วยไขข้อข้องใจว่าเหตุผลในการตื่นมาใช้ชีวิตของเราในทุกๆวันนั้น คืออะไร หรืออีกนัยยะคือความหมายในการมีชีวิตอยู่นั่นเอง
ซึ่ง IKIGAI นี้เป็นสิ่งซ่อนอยู่ภายในตัวเรา ซึ่งต้องใช้ความพยายามและความอดทนในการค้นหามันให้เจอ
และนี่เป็น กฎ 10 ข้อของ IKIGAI ศิลปะในการใช้ชีวิตที่ Socialgiver อยากจะแบ่งปันให้ทุกท่านได้ร่วมค้นหาไปด้วยกัน
1) Stay active; don’t retire กระตือรือร้นกับชีวิตแบบไม่มีวันเกษียณ
เรียนรู้และตื่นเต้นกับสิ่งใหม่ๆ ต่างๆในโลก รักในสิ่งที่ทำ ทำในสิ่งที่สำคัญและมีคุณค่าต่อชีวิตตนเอง ทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด มีความก้าวหน้าทุกๆวัน และชื่นชมสิ่งดีๆรอบตัว

2) Take it slow ทำอะไรให้ช้าลง
เอ๊ะ!! อย่าเพิ่งงง ว่าขัดกับข้อแรกมั๊ย ที่จริงแล้วคือการคิดใคร่ครวญสิ่งต่างๆก่อนลงมือทำ มีวิสัยทัศน์และแผนงานที่ดีก่อน ว่าหากทำสิ่งนั้นสิ่งนี้แล้วจะเกิดผลลัพธ์อะไรขึ้นบ้าง ไม่ใช่กระตือรือร้นจนลนแบบทำอะไรรีบๆ ไม่ได้มองภาพใหญ่ระยะยาว

3) Don’t fill your stomach อย่ากินให้อิ่มเกินไป
หากอยากมีสุขภาพดี อายุยืน ต้องใช้กฎ 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เรียกว่า hara hachibu คือให้หยุดกินทันทีเมื่อรู้สึกอิ่มแล้ว หรือคิดเป็นปริมาณ 1,200 – 1,500 แคลเลอรีต่อวันเท่านั้น โดยเน้นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นกลุ่มผักและผลไม้สดทั่วๆไป

4) Surrounding yourself with good friends แวดล้อมด้วยเพื่อนดีๆ
เพื่อนคือยาที่ดีที่สุด การได้รับฟัง พูดคุย แบ่งปันทุกข์สุขกันกับเพื่อนๆ ให้คำแนะนำกันบ้าง หัวเราะขำขันกันบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้าง ทำให้ชีวิตของเรามีชีวาขึ้นทุกๆวัน ซึ่งจากงานวิจัยหลายที่ต่างให้ข้อมูลตรงกันว่า ความสัมพันธ์ที่ดี นำไปสู่สุขภาพจิตที่ดีและทำให้การทำงานของระบบต่างๆในร่างกายนั้นดีขึ้นอีกด้วย

5) Get in shape for your next birthday ฟิตร่างกายให้ดีต้อนรับวันเกิดปีหน้า
ร่างกายก็ต้องการได้รับการดูแลบำรุงรักษา คล้ายเครื่องยนต์ที่หากใช้งานทุกวันก็ต้องเสื่อมไปบ้างเป็นธรรมดา การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังผลิตฮอร์โมนเพื่อช่วยทำให้เรามีความสุขอีกด้วย

6) Smile ยิ้มเข้าไว้
การยิ้มทำให้จิตใจผ่อนคลายแล้วยังช่วยทำให้เรามีเพื่อนเพิ่มขึ้นได้ง่ายๆ เพราะกลไกทางจิตใจเรามีระบบจดจำความรู้สึกอัตโนมัติ (Facial expression effect) ที่ทำให้เรารับรู้ว่าหากเรายิ้ม อารมณ์เราจะดีขึ้น

7) Reconnect with nature เชื่อมต่อกับธรรมชาติ
เดินทางไปท่องเที่ยวพักผ่อนตามแหล่งธรรมชาติต่างๆ เช่น ทะเล ภูเขา น้ำตก เพื่อชาร์ตแบตเตอรี่เพิ่มพลังงานให้ตัวเองอยู่เสมอๆ เพราะเราต่างเชื่อมโยงเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติและโลกใบนี้ การได้รับออกซิเจนที่มากพอ ได้สูดอากาศบริสุทธิ์ คือความสุขโดยธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน

8) Give thanks ขอบคุณในสิ่งที่เรามี
ความรู้สึกขอบคุณและกตัญญูต่อบุคคลและสิ่งต่างๆ เริ่มตั้งแต่บรรพบุรุษ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม อาหาร และสิ่งที่เรามี จะทำให้เรารู้สึกโชคดีที่ได้มีชีวิตอยู่และจะยิ่งเพิ่มพูนความสุขให้เราในทุกๆวัน

9) Live the moment อยู่กับปัจจุบันขณะ
หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตและกลัวหรือกังวลสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต วันนี้และ ขณะนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ!! ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าและน่าจดจำ เพราะว่าเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านมาและผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และหาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน

10) Follow your IKIGAI...

*************
Cr.Fwd line

Saturday, February 15, 2020

วัดบางกระทิง


            สวัสดีค่ะ  วันนี้วันพระ ตรงกับวันแรม ๘ ค่ำ เดือน สาม วันนี้ยังคงอยู่ที่แม่น้ำน้อย ซึ่งครั้งหนึ่งในอดีตเป็นเส้นทางที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้เคยเสด็จประพาสต้น (ครั้งที่ ๒) ใน พ.ศ.๒๔๔๙  ขอพาไปไหว้พระที่วัดเก่าสมัยอยุธยาอีกวัดหนึ่งมีอายุราว ๓๓๓ ปี วัดบางกระทิง ค่ะ
#วันนี้วันพระ  #วัดบางกระทิง  #เสนา  #พระนครศรีอยุธยา  #เล่าสู่กันฟัง 



       วัดบางกระทิง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย ต.หัวเวียง อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา  ตามประวัติวัดสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลาง ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ราว พ.ศ.๒๒๓๐   นัยว่าพระยาสีหราชเดโชชัย (ทิป) เป็นผู้นำการสร้างโดยสร้างในพื้นที่ที่ติดกับบ้านของท่าน  พระยาสีหราชเดโชชัย (ทิป) นี้เป็นผู้มีความสามารถทางไสยศาสตร์ คงกระพันชาตรี และหายตัวได้ มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่าครั้งหนึ่งพระยาสีหราชเดโชชัย (ทิปคุมกองทัพเข้าต่อสู้กับพม่าอย่างเข้มแข็ง แต่ถูกพม่าจับตัวไว้ได้ และถูกจองจำไว้อย่างแข็งแรง แต่ท่านสามารถหนีกลับออกมาได้ และกล่าวกันว่าพระพิมพ์หลวงพ่อโต วัดบางกระทิง ก็สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์นี่เอง  การก่อสร้างวัดมาแล้วเสร็จในต้นแผ่นดินพระเทพราชาพระญาติราชวงศ์บ้านพลูหลวงได้มาสร้างเพิ่มเติมจน สำเร็จเรียบร้อย และตั้งชื่อว่าวัดใหม่บางกะทิง  มีหลักฐานปรากฏความเป็นมาของวัดอีกครั้งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องจากกระแสน้ำเปลี่ยนทิศทางได้มีการย้ายและปฏิสังขรณ์วัดโดยพระยาประสิทธิ์ (น้อย) เป็นหัวหน้าในการปฏิสังขรณ์ครั้งนี้ และได้เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า “วัดใหม่เจ้าพระยามัคคาราม” แต่ชาวบ้านเรียกกันสั้นๆว่า วัดใหม่ กันเรื่อยมา และก็กลับมาใช้นามวัดอย่างเดิมในที่สุด 





    วัดบางกะทิงนี้เป็นวัดที่มีโบราณวัตถุอันศักดิ์สิทธิ์ คือ พระพิมพ์หลวงพ่อโต ที่มีพุทธานุภาพมาตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบันนี้ และเป็นวัดที่สมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี วัดระฆัง ธนบุรี ได้เคยมาจำพรรษา ในช่วง พ.ศ. ๒๓๘๕๒๓๙๓ ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๓ ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดบางกระทิง และได้สร้างพระพิมพ์ ”หลวงพ่อโต” ไว้จำนวนหนึ่ง จากนั้นท่านใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการธุดงค์ ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ตามที่เล่าต่อกันมาว่าท่านมาวัดบางกระทิงหลายครั้ง  และในปี พ.ศ. ๒๔๐๔ ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ ขณะท่านได้รับสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะเป็นที่พระเทพกวีแล้ว ขณะนั้นท่านมีอายุได้ ๗๔ ปี ท่านได้ขึ้นมาที่วัดบางกะทิงอีกครั้งหนึ่ง ขึ้นมาครั้งนี้ เพราะที่วัดบางกะทิงจะทำการซ่อมอุโบสถ โดยมีคุณหญิงตุ้ม ซึ่งเป็นบุตรีของพระยาประสิทธิ์(น้อย) ซึ่งเป็นผู้รู้จักคุ้นเคยกับเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ เป็นหัวหน้าในการปฏิสังขรณ์อุโบสถ และในการนี้ ท่านเจ้าพระคุณสมเด็จ ฯ จึงนำเอาพระพิมพ์ที่ท่านสร้างขึ้นไว้เอาบรรจุกรุ รวมกับของเก่าในอุโบสถด้วย วัดบางกระทิงได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาต่อมา  


        เจ้าอาวาสองค์สำคัญที่บูรณปฏิสังขรณ์วัด จนปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน คือ พระครูพิศิษฐ์สังฆการ (สมบูรณ์  อิสิญาโณ )( พ.ศ.๒๔๔๔ – พ.ศ.๒๕๑๒) เจ้าอาวาสลำดับที่ ๗  ท่านเป็นเจ้าอาวาสเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๑  และท่านได้บูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถอีกครั้ง โดยมีหลวงพ่อลับ “พระสุวรรณวิมลศีล” (พ.ศ. ๒๔๐๙ – พ.ศ.๒๔๙๑) วัดบันไดช้าง ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน เป็นผู้สนับสนุนการบูรณปฏิสังขรณ์อุโบสถในครั้งนี้  และได้มีการเปิดกรุพระพิมพ์หลวงพ่อโตซึ่งอยู่ในหลุมลูกนิมิตเก่าจำนวนหนึ่ง ท่านจึงนำออกแจกจ่ายให้ผู้มีศรัทธาร่วมการกุศล...เป็นที่มาของ พระพิมพ์ หลวงพ่อโต กรุวัดบางกระทิง....ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ...




******************





จิตกับอารมณ์

ธรรมบรรยาย พระภาวนาเขมคุณ วิ. (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี)