"หลักการทางวิปัสสนา
ไม่ได้มีอะไรยุ่งยาก
ไม่ต้องไปคิดนึกหาอุบายอะไรทั้งหมด
เพียงแค่ระลึกรู้สิ่งต่างๆ ที่กำลังปรากฏ
ด้วยความปล่อยวางเท่านั้นเอง"
.........
....การเจริญวิปัสสนาที่แท้จริงแล้วไม่มีการหลบเลี่ยงอะไรทั้งหมด ไม่มีคำบริกรรมอะไรทั้งหมด เพียงรับรู้รับทราบสภาวะที่เกิดขึ้น ด้วยความปล่อยวาง ด้วยความปกติ วางเฉย เช่น ตึงก็รับรู้ว่าตึง รับรู้กาย รับรู้ใจ แต่ไม่ฝึนไปบังคับ ไม่หลบ ไม่หนี ไม่ยินดียินร้าย ก็จะเป็นวิปัสสนาไปในตัว เรียกว่า มีสติ กำหนดดูสภาพธรรม ความตึง ความแข็ง ความทุกขเวทนาเหล่านั้น แต่ก็วางเฉยได้ สิ่งเหล่านั้นก็คลี่คลายพร้อมด้วยปัญญาที่เกิดขึ้น คือความเห็นจริงของสิ่งเหล่านั้น ว่ามีความเปลี่ยนแปลง มีความเกิด มีความดับ มีสภาพบังคับบัญชาไม่ได้ ไม่ใช่ตัวตน
โบราณสถานวัดมเหยงคณ์
บางท่านปฏิบัติไปไม่ได้เคร่งเครียด เคร่งตึง จิตใจมีความสงบดี ดื่มด่ำเป็นสุข แต่ทำไปแล้วว่างๆ ไม่มีอะไร ทุกสิ่งทุกอย่างว่างเปล่า จิตใจสงบเป็นสุข แต่ก็อยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน เรียกว่า เกิดสมาธิ เกิดความสงบ สภาวธรรมต่างๆ มีความละเอียด ลมหายใจละเอียด ความรู้สึกทางกายละเอียด ละเอียดมากๆ ก็จับอะไรไม่ได้ สติระลึกรู้สภาวไม่ออก ก็กลายเป็นความว่าง จิตไปรับรู้อยู่ที่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรอยู่อย่างนั้น เป็นสุขอยู่อย่างนั้น วิปัสสนาก็ไม่ก้าวหน้า ไปติดอยู่แต่ความสงบ ความสุข ไม่เกิดปัญญา ไม่เห็นความเกิดดับ ไม่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เพราะว่าสติไม่ได้รู้อยู่ที่สภาวะ แต่ไปรู้ที่ความว่างเปล่า ซึ่งไม่ใช่ปรมัตถธรรม มันจึงไม่มีการเกิด-ดับให้ดู จึงไม่เกิดปัญญาหรือ วิปัสสนาญาณ...
...........Cr.จากหนังสือแจกเป็นธรรมทาน สติปัฏฐาน ๔ เขมรังสี ภิกขุ วัดมเหยงคณ์